Why Network? ทำไมต้องธุรกิจเครือข่าย
ถ้าสิ่งที่คุณกำลังตามหา หลากหลายเรื่องราวต่อจากนี้ จะเติมเต็มชีวิตคุณ เติมเต็มความฝันของคุณและครอบครัวที่รักของคุณ
ทำไม ชีวิตคนถึงแตกต่างกัน...? พวกเราเคยสังเกตมัย...? เมื่อเราเรียนจบมาจากคณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยเดียวกัน อาจารย์ก็คนเดียวกัน เกรดก็พอๆกัน ทำไมครับผ่านปี 5 - 10 ปี ชีวิตเรากับเพื่อนๆ ทำไมถึงแตกต่างกันนัก บางที่เราอาจจะดีกว่า หรือเพื่อนเราอาจจะดีกว่า ดิฉันว่าสิ่งที่มันทำให้เราแตกต่างมันคือวิธีคิดเท่านั้นเองคะ วิธีคิดของคนรวย คือการมองหาวิธีสร้างเครือข่าย ส่วนวิธีคิดของคนทั่วไป คือการมองหางานทำ สิ่งนี้เป็นตัวกำหนดเลยว่าวันนี้ชีวิตเราจะแตกต่างกันยังไง งานเป็นเครื่องมือในการสร้างชีวิตคะ แต่คุณภาพชีวิตก็ขึ้นอยู่กับงานที่ทำด้วย ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย ขยันถูกที่ปีเดียวก็รวย วันนี้คุณภาพชีวิตของเราเป็นยังไง...? ถ้าเรามีความฝันและต้องการมีรถราคา 1 ล้านบาท เราต้องการมีบ้านหลังละ 5 ล้าน รวมเป็น 6 ล้านบาท เราจะต้องเก็บเงินสักเท่าไหร่...? กี่ปี...? เราถึงจะสามารถเก็บมันได้ 6 ล้าน ถ้าวันนี้เราตั้งใจจะเก็บเงินไว้เดือนละ 5,000 บาทเราเก็บได้หรือไม่...? ส่วนใหญ่เก็บไม่ได้หรอกคะจริงมัย...? มีเท่าไหร่เราก็ใช้ได้หมดนั่นแหละ
ถ้าเก็บเงินได้เดือนละ 5,000 บาท - 1 ปีเก็บได้ 60,000 บาท - 10 ปี เก็บได้ 600,000 บาท - 100 ปี เก็บได้ 6,000,000 บาท เพื่อนๆว่าเราจะอยู่ได้ถึง 100 ปีมัยคะ ถ้าเราอยู่ได้ถึง 100 ปี ความฝันเราก็เป็นจริงได้ แต่ถ้าวันนี้เราอยู่ไม่ถึงล่ะคะ เมื่อความฝันมันใหญ่กว่ารายได้ เรามีทางเลือก 2 ทาง วิธี ที่ 1 ลดความฝันให้เท่ากับขนาดของรายได้ บ้านเช่าอยู่เอาก็ได้ รถไม่ต้องมีก็ได้ นั่งรถเมล์ รถไฟฟ้าก็ได้ แต่ว่ามันลำบากคะ เพื่อความสะดวกสบายของเราและคนที่เรารักก็มีผลจริงมัยคะ วิธี ที่ 2 เพิ่มรายได้ของเราให้เท่ากับขนาดของความฝัน ดิฉันเชื่อว่าเพื่อนๆ ทุกคนเลือกวิธีที่ 2 ใช่มัยคะ ดิฉันก็เลือกวิธีที่ 2 ดังนั้นถ้าเราจะเพิ่มรายได้ให้เท่ากับขนาดของความฝัน แล้วงานที่เราเลือกทำล่ะคะ...เราเลือกทำงานแบบไหน...? เรามาดูกันคะว่าในโลกนี้มีงานอยู่กี่แบบ
เพื่อนๆ เคยอ่านหนังสือ เงิน 4 ด้านมัยคะ...? เขียนโดยคุณโรเบิร์ต คิโยซากิ หนังสือเล่มนี้เขียนถึงที่มาของรายได้เป็นประเภทของงาน 4 ประเภทคือ ประเภทที่ 1 คือ Employee เป็นลูกจ้าง ประเภทที่ 2 คือ Self-employed เป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว ประเภทที่ 3 คือ Business Owner เป็นเจ้าของกิจการขนาดใหญ่มีระบบทำงานแทน ประเภทที่ 4 คือ Investor เป็นนักลงทุนใช้เงินทำงานแทน สิ่งที่พบก็คือ คุณโรเบิร์ต คิโยซากิ บอกว่าคนบนโลกนี้มากกว่า 95% อยู่ฝั่งซ้าย ไม่เป็นลูกจ้างก็เป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว แต่ครอบครองทรัพย์สินบนโลกเพียง 5% เราเรียกคนกลุ่มนี้ว่า Active Income ต้องทำงานเพื่อแลกเงินคะ หนังสือเล่มนี้ยังกล่าวต่อว่าคนบนโลกเพียง 5% เท่านั้นที่ทำงานฝั่งขวา แต่ครอบครองทรัพย์สินทั้งโลกถึง 95% เรียกคนกลุ่มนี้ว่า Passive Income หยุดงานแล้วยังคงมีรายได้คือกลุ่มคนรวยคะ กลุ่มลูกจ้าง เจ้าของธุรกิจส่วนตัว ต้องทำงานด้วยตัวเอง ใช้ตัวเองเป็นสาเหตุของรายได้ แต่เจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ใช้ระบบทำงานแทน นักลงทุนใช้เงินทำงานแทน ไม่ใช้ตัวเองเป็นสาเหตุของรายได้ จริงมัยคะ...? ถ้าเราเลือกได้ เราจะอยุ่ฝั่งไหนระหว่างฝั่งซ้าย(ทำงานแลกเงิน) หรือฝั่งขวา(ใช้ระบบหรือใช้ เงินทำงานแทน)...? ฝั่งขวาใช่มัยคะ...? คนส่วนใหญ่ก็อยากจะเลือกฝั่งนี้คะ แต่ดิฉันถามคำเดียว "เรามีเงินเท่าไหร่" ที่จะใช้มันทำงานแทนเรา เรามีเงินน้อยเกินไปใช้มันทำงานแทนเราไม่ได้ ถ้าเราอยากจะเป็นเจ้าของกิจการล่ะ...ใช้ระบบทำงานแทนล่ะ...มันก็ต้องมีเงิน ลงทุนมหาศาลเลยใช่มัย...? แต่ข่าวดีคะ หนังสือเงิน 4 ด้านหน้า 87 เขียนบอกถึงวิธีการเป็นเจ้าของกิจการ ที่ใช้ระบบทำงานแทนโดยที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาลได้ แค่ใช้เงินหลักร้อยหลักพันบาทเท่านั้น คุณโรเบิร์ต คิโยซากิ เขียนวิธีการเป็น Business Owner ไว้ทั้งหมด 3 วิธีด้วยกัน 1. ลงทุนแบบลองผิดลองถูก โดนหุ้นส่วนโกง โดนลูกน้องโกง ลองเจ๊งดู ประมาณ 3.3 ครั้งจึงจะสำเร็จ ตามค่าเฉลี่ยของคนรวยต้องเคยเจ๊ง 2. แต่ถ้ากลัวเจ๊งต้อง ซื้อแฟรนไชน์ เพราะเค้าลองผิดลองถูกมาจนรู้วิธีแล้ว 3. แต่ถ้าไม่มีเงินซื้อแฟรนไชน์ ให้มาทำธุรกิจเครือข่าย ซึ่งจะสามารถทำให้เราเป็น Business Owner ที่หยุดแล้วยังคงมีรายได้โดยการลงทุนน้อยๆ
ในปัจจุบันเพื่อนๆใช้สูตรชีวิตแบบไหน? สูตรชีวิตของคนทั่วไปใช้เวลาเรียน 20 ปี จบมาก็ทำงานอีก 40 ปี เกษียณอายุใช้ชีวิตที่เหลือ 5 ปี แล้วก็ตรอมใจตาย อันนี้เป็นสถิติของประชาชนชาวอเมริกัน เมื่อเกษียณอายุแล้ว 36% จะตายเพราะตรอมใจ ไม่มีอะไรทำ เครียด แต่สูตรขีวิตของนักธุรกิจเครือข่าย ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม เราจะใช้เวลาทำงาน 3-5 ปี แล้วเราสามารถใช้ชีวิตแบบที่เราต้องการได้ตลอดชีวิต





